The ASSURE Model(การใช้สื่อการสอนอย่างเป็นระบบ โดยใช้แบบจำลอง)

The ASSURE  Model




แบบจำลอง The ASSURE Model มีขั้นตอนดังนี้
1.  Analyze learners (การวิเคราะห์ลักษณะผู้เรียน)
          การวิเคราะห์ลักษณะของผู้เรียน จะทำให้ผู้สอนเข้าใจลักษณะของผู้เรียนและสามารถเลือกใช้สื่อการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับผู้เรียนและบรรลุวัตถุประสงค์ของการเรียนการสอน การวิเคราะห์ผู้เรียนนั้นจะวิเคราะห์ใน 2 ลักษณะ คือ
          1. ลักษณะทั่วไป เป็นลักษณะที่เกี่ยวข้องกับการเลือกใช้สื่อการเรียนการสอนโดยตรง ได้แก่ เพศ อายุ ชั้นปีที่เรียน ระดับสติปัญญา ความถนัด วัฒนธรรม สังคม ฯลฯ
          2. ลักษณะเฉพาะ เป็นลักษณะที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาที่จะสอน ซึ่งจะมีผลต่อการเลือกวิธีการสอนและสื่อการเรียนการสอน ได้แก่
                   2.1 ความรู้และทักษะพื้นฐานของผู้เรียนในเนื้อหาที่จะสอน
                   2.2 ทักษะที่เป็นเครื่องมือในการเรียนรู้ของผู้เรียน เช่น ทักษะด้านภาษา คณิตศาสตร์ การอ่าน และการใช้เหตุผล
                   2.3 ผู้เรียนมีความรู้และทักษะที่จะสอนนั้นหรือไม่
                   2.4 ทัศนคติของผู้เรียนต่อวิชาที่จะเรียน



2. State objectives (การกำหนดวัตถุประสงค์)
          การเรียนการต้องมีการกำหนดวัตถุประสงค์ให้ชัดเจน ซึ่งเป็นวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม ที่กำหนดความสามารถของผู้เรียนว่าจะทำอะไรได้บ้าง ในระดับใด และภายใต้เงื่อนไขใดไว้อย่างชัดเจน เพื่อให้สามารถเลือกใช้วิธีการสอนและสื่อการเรียนการสอนได้เหมาะสม
โดยวัตถุประสงค์ทางการศึกษาทั้ง
3 ด้าน คือ
          1. พุทธิพิสัย เป็นวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้เพื่อวัดการเรียนรู้ของผู้เรียนเกี่ยวกับความรู้ความเข้าใจ สติปัญญา และการพัฒนา
          2. จิตพิสัย เป็นวัตถุประสงค์ทางด้านความคิด ทัศนคติ ความรู้สึก ค่านิยมและการเสริมสร้างทางปัญญา
          3. ทักษะพิสัย เป็นวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับการกระทำ การแสดงออกหรือการปฏิบัติ



3. Select instructional methods, media, and materials (การเลือก ดัดแปลงหรือออกแบบสื่อใหม่)
การที่จะมีสื่อที่เหมาะสมในการเรียนการสอนนั้น สามารถทำได้ 3 วิธีด้วยกัน คือ
          1. การเลือกสื่อที่มีอยู่แล้ว
          เป็นการพิจารณาเลือกสื่อการเรียนการสอน ที่มีอยู่แล้วจากแหล่งต่างๆ เพื่อนำมาใช้ในการเรียนการสอน การเลือกสื่อที่มีอยู่แล้วควรมีเกณฑ์ในการพิจารณาดังนี้
          • ลักษณะผู้เรียน
          • วัตถุประสงค์การเรียนการสอน
         
เทคนิคหรือวิธีการเรียนการสอน
         
สภาพการณ์และข้อจำกัดในการใช้สื่อการเรียนการสอนแต่ละชนิด
          2. การปรับปรุง หรือดัดแปลงสื่อที่มีอยู่แล้ว
          กรณีที่สื่อการเรียนที่มีอยู่แล้วไม่เหมาะสมกับการใช้ในการเรียนการสอน ให้พิจารณาว่าสามารถนำมาปรับปรุงให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์การเรียนการสอนได้หรือไม่ ถ้าปรับปรุงได้ก็ให้ปรับปรุงก่อนนำไปใช้
          3. การออกแบบสื่อใหม่
          กรณีที่สื่อการเรียนการสอนที่มีอยู่ไม่สามารถนำมาใช้ได้หรือไม่เหมาะสมที่จะนำมาปรับปรุงใช้ หรือไม่มีสื่อการเรียนการสอนที่ต้องการใช้ในแหล่งบริการสื่อการเรียนการสอนใดเลย ก็จำเป็นต้องออกแบบและสร้างสื่อการเรียนการสอนขึ้นมาใหม่



4. Utilize media and materials (การใช้สื่อ)
ขั้นตอนการใช้สื่อการเรียนการสอน มีขั้นตอนที่สำคัญอยู่ 4 ขั้นตอน คือ
          1. ดูหรืออ่านเนื้อหาในสื่อ / ทดลองใช้ ก่อนนำสื่อการเรียนการสอนใดมาใช้จำเป็นต้องมีการตรวจสอบเนื้อหาว่าตรงตามวัตถุประสงค์หรือไม่ จะได้แก้ไขปรับปรุงได้ทัน
          2. เตรียมสภาพแวดล้อม / จัดเตรียมสถานที่ การที่จะใช้สื่อการเรียนการสอนจำเป็นที่ต้องมีการเตรียมสถานที่ สิ่งอำนวยความสะดวก ให้เหมาะสมกับการใช้สื่อการสอนแต่ละชนิด
          3. เตรียมผู้เรียน ผู้เรียนจะเกิดการเรียนรู้จากการใช้สื่อการเรียนการสอนได้ดีนั้น จะต้องมีการเตรียมผู้เรียนให้พร้อมที่จะเรียนเรื่องนั้น ๆ มีการเร้าความสนใจ หรือเน้นจุดที่ต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษ
          4. การนำเสนอ / ควบคุมชั้นเรียน ผู้สอนที่ทำหน้าที่ผู้เสนอสื่อการเรียนการสอนนั้น ในการนำเสนอควรปฏิบัติดังนี้
                   4.1 ต้องทำตัวเป็นตัวกลางที่จะทำให้การนำเสนอครั้งนั้นประสบความสำเร็จ โดยการทำตัวให้เป็นธรรมชาติ
                   4.2 ขณะที่บรรยายนำเสนอสื่อการเรียนการสอนต้องสอดแทรกอารมณ์ขันบ้า
                  
4.3 ประเมินความสนใจของผู้เรียน โดยใช้การกวาดสายตามองผู้เรียนให้ทั่วทั้งชั้นซึ่งเป็นการแสดงความสนใจผู้เรียน และวิเคราะห์สีหน้า ท่าทางของผู้เรียนไปพร้อมกัน



5. Require learner participation (การกำหนดการตอบสนองของผู้เรียน)
          การใช้สื่อในการเรียนการสอนแต่ละครั้ง ผู้สอนต้องจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมและกระตุ้นให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียนการสอน โดยเปิดโอกาสให้ผู้เรียนสามารถ ตอบสนองโดยเปิดเผย  โดยการพูดหรือเขียน เมื่อผู้เรียนมีการตอบสนองผู้สอนควรให้การเสริมแรงทันที เพื่อให้ผู้เรียนทราบว่าตนมีความเข้าใจและเกิดการเรียนรู้ที่ถูกต้องหรือไม่ โดยการให้ทำแบบฝึกหัด การตอบคำถาม การอภิปราย หรือการใช้บทเรียนแบบโปรแกรม



6. Evaluate and revise (การประเมินการใช้สื่อ)
          หลังจากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนแล้ว จำเป็นต้องมีการประเมินผลกระบวนการเรียนการสอนเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ช่วยให้ผู้สอนทราบว่า การเรียนการสอนบรรลุวัตถุประสงค์มากน้อยเพียงใดสิ่งที่ต้องประเมินได้แก่
          การประเมินผลกระบวนการเรียนการสอน จะทำให้ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการปรับปรุงและพัฒนาวิธีการสอนและการใช้สื่อการเรียนในครั้งต่อ ๆ ไปให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
          การประเมินสื่อและวิธีการเรียนการสอน เพื่อให้ทราบว่าสื่อและวิธีการสอนที่ใช้มีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใด ต้องปรับปรุงแก้ไขหรือไม่ ช่วยให้ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์เพิ่มขึ้นหรือไม่ การประเมินผลสื่อการเรียนการสอนควรให้ครอบคลุม ด้านความสอดคล้องกับวัตถุประสงค์การเรียนการสอน ด้านคุณภาพของสื่อ เช่น ขนาด รูปร่าง สี ความชัดเจนของสื่อ


ตัวอย่างบทเรียนที่ใช้ The ASSURE Model(การใช้สื่อการสอนอย่างเป็นระบบ โดยใช้แบบจำลอง) เรื่อง สมบัติความเป็นกรดและสมบัติความเป็นเบสของสารละลาย

1.  Analyze learners (การวิเคราะห์ลักษณะผู้เรียน)


          1.1  ข้อมูลทั่วไปของนักเรียน  : นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ห้อง 1 ของโรงเรียนดำรง
ปัญญา มีนักเรียนทั้งหมด 20 คน เป็นนักเรียนหญิง 12 คน และนักเรียนชาย 8 คน
          1.2 ข้อมูลเฉพาะของนักเรียน
           1) ความรู้และทักษะพื้นฐาน : นักเรียนได้เรียนรู้ในเรื่องสารละลายและลักษณะของสารละลายในบทเรียนก่อนหน้า และผ่านการทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน
           2) ทักษะที่เป็นเครื่องมือในการเรียนรู้ของ : ทักษะด้านภาษา ทักษะการสังเกต ทักษะการใช้เหตุผล
           3) เจตคติ : นักเรียนตระหนักถึงการใช้สารละลายให้ถูกคุณสมบัติและปลอดภัยในชีวิตประจำวัน


2. State objectives (การกำหนดวัตถุประสงค์)

            1. นักเรียนอธิบายคุณสมบัติความเป็นกรดของสารละลายได้(พุทธิพิสัย)
         
2. นักเรียนอธิบายคุณสมบัติความเป็นเบสของสารละลายได้(พุทธิพิสัย)
         
3. นักเรียนสามารถจำแนกสารละลายกรดและสารละลายเบสได้(ทักษะพิสัย)
         
4. นักเรียนมีความตระหนักถึงการใช้สารละลายกรดและเบสให้ถูกคุณสมบัติและปลอดภัยในชีวิตประจำวัน


3. Select instructional methods, media, and materials (การเลือก ดัดแปลงหรือออกแบบสื่อใหม่)

          1. การเลือกสื่อที่มีอยู่แล้ว
          โดยหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ 1 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เล่ม จาก http://www.scimath.org/ebook/sci/m1-1/student/



          2 การปรับปรุง หรือดัดแปลงสื่อที่มีอยู่แล้ว
          โดยให้นักเรียนดูวิดีโอเรื่อง กรด เบส ในชีวิตประจำวันแล้วเลือกกรดและเบสที่นักเรียนใช้ภายในบ้านมาคนละ 1 ชนิด 


          

ให้นักเรียนดูวิดีโอการทดสอบความเป็นกรดและเบส ก่อนที่จะเรื่องการทดลองจริงในชั้นเรียน



  
ชนิดของสื่อ
ความสนใจ
วัตถุประสงค์
การใช้
ข้อจำกัด
หนังสือเรียน วิทยาศาสตร์ ม.1
ปานกลาง
นักเรียนสามารถศึกษาค้นคว้าทบทวนบทเรียนได้ด้วยตนเองและรู้แนวทางในการเรียน
ใช้เป็นแนวทางในการวางแผนการเรียนการสอบและเป็นส่วนที่เพิ่มเติมจากสื่ออื่นๆ
-
การทดลองในชั้นเรียน
มาก
เป็นการเพิ่มความเข้าใจในเรื่องที่เรียนและฝึกให้นักเรียนมีทักษะการสังเกตและใช้เหตุผล
ใช้สารละลายกรดและเบสในชีวิตประจำวันมาทดสอบด้วยวงล้อ pHซึ่งเป็นการทดลองที่ง่ายและปลอดภัย
ข้อจำกัดในเรื่องสารละลาย อุปกรณ์ และเวลา
การจัดจำแนกสารละลายกรดเบส
มาก
นักเรียนสามารถประยุกต์ใช้ความรู้เรื่องคุณสมบัติความเป็นกรดและเบสในชีวิตประจำวันได้
ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มจำแนกสารละลายกรดเบสที่ได้รับพร้อมบอกเหตุผลในการจำแนก
สารละลายอาจไม่เพียงพอสำหรับการจำแนก อาจใช้เป็นรูปภาพแทนได้
สื่อวิดีโอ
มาก
เพื่อดึงความสนใจของผู้เรียนก่อนนำเข้าสู่บทเรียน
เป็นการ์ตูนที่แนะนำสารละลายกรดเบสที่พบรอบๆตัวนักเรียน ซึ่งเป็นการ์ตูนที่สามารถดูได้เองที่บ้าน

-


4. Utilize media and materials (การใช้สื่อ)

          1. อ่านทบทวนเนื้อหาเรื่องคุณสมบัติความเป็นกรดและเบสจากคู่มือครูและหนังสือเรียนของนักเรียน การหาสื่อวิดีโอต้องเลือกวิดีโอที่อธิบายความเป็นกรดเบสที่ถูกต้องและมีความน่าสนใจสามารถดึงดูดนักเรียนได้
          2. ในห้องเรียนเรื่อง สมบัติความเป็นกรดและสมบัติความเป็นเบสของสารละลาย จะต้องมีการจัดโต๊ะนักเรียนเป็นกลุ่ม ทรงตัว U ขณะทำการทดสอความเป็นกรดเบสด้วยวงล้อ pH และการแบ่งกลุ่มจัดจำแนกสาร ขณะที่ครูเปิดวิดีโอให้ดูโดยใช้โปเจ๊กเตอร์ ให้นักเรียนนั่งพื้นรวมกันเพื่อนดูวิดีโอ ซึ่งการจัดที่นั่งแบบนี้จะทำให้ครูสามารถเดินเข้าไปหานักเรียนทุกกลุ่มอย่างทั่วถึง และครูวางสารละลายกรดและเบสกลางห้องเพื่อให้นักเรียนแต่ละกลุ่มมาหยิบใช้ได้ง่าย
          3. เตรียมผู้เรียนโดยการให้ผู้เรียนดูการ์ตูน เกี่ยวกับสารละลายที่เป็นกรดและเบสในชีวิตประจำวันเพื่อดึงดูดความสนใจและเร้าให้นักเรียนอยากรู้ว่าสารละลายใดบ้างที่มีคุณสมบัติเป็นกรดและสารละลายใดบ้าง
          4. ในการใช้แต่ละสื่อมีการสร้างข้อตกลงกับนักเรียนเพื่อให้การเรียนการสอนราบรื่น และสื่อที่ใช้เช่นสารละลายในการทดลองหรือวงล้อ pH จะต้องสร้างกฎกติกาในการใช้และให้รักเรียนแต่ละกลุ่มดูแลรักษาอุปกรณ์ตัวเองให้ดี ขณะที่ใช้สื่อแต่ละชนิดมีการสังเกตและประเมินพฤติกรรมของนักเรียนด้วยเพื่อนำไปปรับใช้ในครั้งต่อไป


5. Require learner participation (การกำหนดการตอบสนองของผู้เรียน)
        
          หลังจากการใช้สื่อหนังสือเรียน ให้นักเรียนตอบคำถามท้ายบทเรียนเพื่อเป็นการตรวจสอบความเข้าใจในเรื่องคุณสมบัติความเป็นกรดและเบสของนักเรียน
          หลังจากดูการ์ตูนเรื่อง กรด เบส ในชีวิตประจำวันแล้วเลือกกรดและเบสที่นักเรียนใช้ภายในบ้านมาคนละ 1 ชนิด และเขียนคุณสมบัติพร้อมบอกเหตุผล
          หลังจากทำการทดลองการทดสอบความเป็นกรดและเบส และกิจกรรมจัดจำแนกความเป็นกรดและเบสในชีวิตประจำให้นักเรียนแต่ละกลุ่มเขียนอธิปรายในหัวข้อ “ใช้สารละลายกรดเบสอย่างไรให้ถูกต้องและปลอดภัย”  และส่งตัวแทนมานำเสนอหน้าชั้นเรียน


6. Evaluate and revise (การประเมินการใช้สื่อ)
         
            6.1 การประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
      -  ประเมินการความสนใจของผู้เรียนที่มีต่อเนื้อหาที่สอน อาจวัดจากการทำแบบทดสอบหรือแบบฝึกหัด หรือตอบคำถามเกี่ยวกับวิดีโอที่ให้ดู
      -  ประเมินความเข้าใจในการทำกิจกรรมทั้งการทดลอง การจำแนกสาร ด้วยการให้นักเรียนตอบคำถามง่ายๆที่ครูอธิบายให้ฟังก่อนหน้า
      -  การประเมินความเข้าใจและความสามารถใช้เรื่องที่สอนได้มากน้อยเพียงใด ผ่านการทำแบบทดสอบหลังเลิกเรียน การทำปฏิบัติการ และการจัดจำแนกสารว่ามีความถูกต้องมากหรือน้อย
          6.2 การประเมินสื่อและวิธีใช้
           ประเมินสื่อที่ใช้ในการเรียนการสอน ทั้งด้านความถูกต้อง ความสอดคล้องกับเนื้อหาและความเหมาะสมกับผู้เรียน นอกจากนี้สื่อที่ให้สามารถดึงดูดความสนใจผู้เรียนได้หรือไม่และสามารถเพิ่มความเข้าใจในเนื้อหาได้หรือไม่
          6.3 การประเมินกระบวนการเรียนการสอน
          -  แบบทดสอบก่อนเรียนเพื่อวัดความรูพื้นฐานของผู้เรียนและแบบทดสอบหลังเรียนเพื่อตรวจสอบความเข้าใจของผู้เรียน
          - สังเกตพฤติกรรมของผู้เรียนขณะสอนและการทำกิจกรรมในห้องเรียน
         
- ดูการตอบสนองของผู้เรียนหลังจากสอนเนื้อหาหรือมีการใช้สื่อ อาจใช้การตอบคำถามปากเปล่าหรือวัดจากการให้ทำแบบฝึกหัดท้ายบท

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น